วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556

[The Hobbit fanfiction] beside you

Title:beside you

Pairing: Thorin / Bilbo

Rate: PG #ไม่น่าเชื่อว่ามีวันที่เราไม่เขียนเรท...

Categories : Drama Romance

 Note: ในเนื้อหาตอนนี้จะสปอยล์ฮอบบิทภาคสองและสามนะคะ (เอาจริงเราเองก็ยังไม่ได้อ่านในหนังสือเลย55555 #พราก เพราะงั้นอาจจะมีจุดที่พลาดด้วย)

แต่ความติ่งทำได้ทุกอย่างค่ะOTL ฟินคู่นี้มานานแล้ว ดฟกกหกหกหดหฟกห

สุดท้ายความฟินบังเกิดเป็นฟินใสๆไม่เรทค่ะ(นานๆทีจะติ่งคู่ไหนแบบไม่หวังเห็นเรท555 แง)


แทนที่จะคิดว่ามันคือฟิค พูดตรงๆมันคือแดรบเบิ้ลชัดๆค่ะ จากความเวิ่นเว้อล้วนๆ555555 หลุดคาแร็กเตอร์ขออภัยด้วยค่ะ พยายามคุมสุดชีวิตแล้ว มันได้แค่นี้ OTL

-------------------------------------------------------------



วันนั้นหลังจากที่บิลโบ้บุกเข้ามาช่วยพวกเขาจากวู้ดแลนด์ในคุกของท้องพระโรง นั่นทำให้สายตาของข้าที่มองเขาเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด




จากตอนแรกที่มองว่าเป็นเพียงแค่ 'หัวขโมย' ขี้ขลาดจากไชร์ ตอนนี้หมอนั่นก็กลายเป็นผู้ร่วมคณะไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้




บางครั้ง...ความสัมพันธ์อันน่าหวาดหวั่นนี้ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว


ไม่ได้...ไม่ว่าอย่างไรเจ้าหมอนั่นเป็นเป็นเพียง หัวขโมย เท่านั้น


นั่นคือความคิดตลอดมาว่าจะนิ่งเฉยกับความรู้สึกในใจนี้






"ทำอะไรอยู่...มาสเตอร์แบ็คกินส์"ทันทีที่ถูกเรียกชื่อ ฮอบบิทก็สะดุ้งในทันที เพราะเท่าที่เขาเห็นก่อนเดินออกมาคือทุกคนนอนหลับกันหมดแล้ว แต่...ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นแบบนั้น...





"ขะ-ข้า..."บิลโบลนลาน ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะตอบอะไรกลับไป "แค่นอนไม่หลับ..."



เขากำลังโกหก


"เจ้าควรจะรีบนอนก่อนที่จะถึงยามฟ้าสางของวันรุ่งขึ้น เราต้องเดินทางกันอีกยาวไกล"




'หินอาร์เคนสโตนจะทำให้เจ้าโลภจนเป็นบ้าเหมือนปู่ของเจ้า'


'ข้าไม่ได้เป็นเหมือนปู่ของข้า'


"ข้ารู้แล้ว..."บิลโบว่าพลางยิ้ม "ข้าขอคิดอะไรอีกสักพัก แล้วเดี๋ยวข้าจะไปนอน"



"ถ้าเช่นนั้น ข้าจะกลับไปนอนก่อน ฝันดีมาสเตอร์แบ็คกินส์"


"ฝันดี ธอริน"




เมื่อลับตาของราชาใต้ขุนเขา บิลโบก็ถอนหายใจ แววตาของธอรินเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิดโดยที่เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำไป การที่ได้เดินทางออกมาจากไชร์ทำให้เขาได้เห็นสิ่งต่าง ๆ มากมายที่ไม่น่ามีบนโลกหรือแม้กระทั่งเรื่องที่อยู่ในหนังสือ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มลังเล... ว่าตัวเองควรจะไปขโมยหินอาร์เคนสโตนจริงๆหรือเปล่า...




ถ้ามันทำให้ธอรินเปลี่ยนไป เขาก็ไม่อยากที่จะขโมยมันมาเลย




ลึกๆแม้ว่าธอรินจะเป็นคนเย็นชา แต่จริงๆแล้วเขารู้ดีว่ามันไม่ใช่แบบนั้นเลย ธอรินเป็นคนที่ไม่ลังเล กล้าหาญ ห่วงใยเพื่อน ๆ ของตน






เขาควรจะทำอย่างไรดี...?



---------------------------------------------------



"ธอริน..ข้าคิดว่าเสียงนั่น...อาจจะเป็นของ...."บาลินเอ่ยขึ้นมาก่อนที่จะเงียบลงเพราะทุกคนรู้ดีว่าเสียงนั่นคือเสียงของอะไร "บิลโบกำลังตกอยู่ในอันตราย"




"ข้าจะไม่เสี่ยงทำภารกิจล่มเพียงเพื่อช่วยหัวขโมยเพียงคนเดียว"




"บิลโบ..."บาลินเอ่ยก่อนจะเม้มปากแน่น แววตาสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ว่าธอรินกำลังเปลี่ยนไป...เปลี่ยนไปเป็นใครสักคนที่เขาไม่รู้จัก "เขาชื่อบิลโบ"




ธอรินเงียบไปกับคำพูดนั้นก่อนที่จะก้มหน้าแล้วกำหมัดแน่น


-----------------------------------------------------



"อาร์เคนสโตนอยู่ที่ไหน?"


นั่นคือคำถามแรกเมื่อได้พบเจอหน้ากัน บิลโบเงียบ...เงียบให้กับคำถามนั้น... เขารู้ดีว่าตัวเองกำลังตัดสินใจจะทำอะไร


แม้ว่านั่นจะเป็นการทรยศก็ตาม


"สม็อกกำลังมา"บิลโบพูดกลับไป ไม่ยอมตอบคำถามนั้น ทว่าเมื่อเขากำลังจะเดินเข้าไปในประตู อีกฝ่ายกลับยื่นดาบเข้ามาขวาง...พร้อมแววตาที่ไม่เชื่อถือ บิลโบชะงักกับสายตาที่ส่งมาให้



โครม!!



เสียงของเสาวิหารที่กำลังพังทลายลงมาทำให้ธอรินหันไปมอง ดาบถูกลดลงก่อนจะเก็บเข้าฝัก


"เราต้องไปห้องบรรพราชา"



--------------------------------------------


ในตอนนี้เขาฉวยโอกาสตอนที่เกิดสงครามเอาหินอาร์เคนสโตนไปให้ฝ่ายเอลฟ์ หากธรันดูอิลกลับรับหินนั้นมาไว้ในมือแล้วแสดงสีหน้าประหลาดใจก็เพียงเท่านั้น



"เจ้าต้องการอะไร?"นั่นคือสิ่งแรกที่ถามยามที่เอาหินอาร์เคนสโตนไปให้ ฮอบบิทเงียบก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นสบตา รอยยิ้มที่ถุกส่งมานั้นดูข่มขื่นอยู่ภายในที หากแต่สายตากลับเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว...


ราวกับตัดสินใจดีแล้ว


ถึงความผิดมหันต์ที่ตนจะกระทำลงไป


"ข้าแค่ไม่อยากให้ธอรินได้หินอาร์เคนสโตนไป...หวังว่าท่านคงจะช่วยเก็บรักษามันเป็นอย่างดี"แม้ประโยคนั้นจะดูเป็นการพูดอ้อมค้อม แต่กษัตรัย์แห่งพรายเข้าใจดี...ว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร



"ถ้าเช่นนั้นข้าจะเก็บมันไว้ ค่าของมันมีค่าแลกเปลี่ยนเท่ากับสมบัติในท้องพระโรงทั้งหมด หวังว่านั่นจะเป็นข้อแลกเปลี่ยนได้"



เพราะความที่รู้ว่าคนแคระเป็นเผ่าที่หวงแหนสมบัติมาก แม้จะอยากได้อาร์เคนสโตนเพียงไร ย่อมไม่มีทางแลกเปลี่ยนได้แน่ๆ


และนั่นคือข้อแลกเปลี่ยนของเขากับกษัตริย์แห่งพราย


------------------------------------------


"หากสิ่งที่เจ้าทำเป็นการทรยศข้า ไปซะ ระหว่างเจ้ากับข้าไม่หลงเหลือความสัมพันธ์อันใดกันอีกแล้ว"




นี่คือสิ่งเดียวที่ธอรินพูดออกมา สายตาที่ราชาใต้ขุนเขามองมายังทางเขานั้นเป็นสายตาที่ผสมไปด้วยหลายๆความรู้สึกปนเปกัน ผิดหวัง-เจ็บปวด-และไม่เหลือเยื่อใยใดๆให้กันอีก- ถึงแม้ว่าภายนอกจะมั่นคงดั่งหินผาอันสงบนิ่ง แต่บิลโบรู้ดีว่าภายในธอรินอาจจะเจ็บปวด ไม่ต่างอะไรจากเขาเลยแม้แต่น้อย...






บิลโบขยับยิ้มละมุนจางๆให้ ทั้งๆที่ในใจกำลังพยายามบอกว่าไม่เป็นอะไร... เขาเตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นทว่าหัวใจกลับร้อนดั่งถูกเปลวไฟแผดเผา ...จนเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวบริเวณดวงตา แต่กระนั้นเขาก็ไม่อยากให้คนตรงหน้าต้องมาเห็นความอ่อนแอของตนเอง แสงแดดยามนั้นทำให้เขารู้สึกแสบตาเหลือเกิน




"ถ้าท่านยังเห็นว่าข้ามีความจำเป็นอันใดอีก ข้าก็พร้อมยินดีที่จะช่วยเหลือท่านเสมอ"ทันทีที่เขาเอ่ยจบ 
ธอรินก็เบือนหน้าหนีแล้วเดินจากไป ในตอนนั้นราชาใต้ขุนเขาหาได้มองใบหน้าอีกฝ่ายด้วยความขุ่นมัวอันมืดบอด หากสังเกตสักนิดจะพบว่า...ฮอบบิทตัวน้อยจากไชร์...กำลังร้องไห้...



นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้คุยกับธอริน



สงครามยังคงดำเนินต่อไปหลังจากที่สม็อคตาย ทว่าเขาทำได้แต่เพียงเฝ้ามองและคอยแอบช่วยธอรินอยู่ห่างๆ ฉับพลันนัยน์ตาเหลือบไปมองเห็นออร์คตัวหนึ่งกำลังเหวี่ยงดาบเข้ามาทางข้างหลังธอริน นัยน์ตาของเขาเริ่มฉายแววตื่นตระหนกก่อนที่จะวิ่งเข้าไปหาคมดาบนั้น...เพื่อปกป้อง...ปกป้องคนที่ตีตราว่าเขาคือคนทรยศ...




"ธอริน!! ระวัง!!"




ทุกๆอย่างดูสายไปเพียงแค่ก้าวเดียว ร่างของกษตรัยิ์ใต้ขุนเขาถูกฟันทางข้างหลังจนหยาดเลือดกระเซ็นใส่หน้าเขา นัยน์ตาที่เบิกโพล่งนั้นสั่นระริกเล็กน้อย ก่อนที่จะหยิบดาบที่ใช้เปิดจดหมายฆ่าออร์คตัวนั้น




ทันทีที่ร่างของออร์คล้มลง เขาก็รีบวิ่งเข้ามาดูร่างที่กำลังนอนหอบหายใจรวยริน ดูเหมือนว่าจะยังไม่ตายแต่บาดแผลนั้นลึก...ลึกมากเกินกว่าที่จะรักษาได้ บิลโบกอดร่างที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด กลิ่นคาวสนิมของโลหิตคลุ้งกระจายไปทั่ว แต่เขาแทบไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลย มือที่โอบอุ้มอีกฝ่ายอยู่กำลังสั่นระริกอย่างห้ามไม่ได้




"ธอริน...ธอริน"บิลโบเอ่ยเสียงกระซิบแผ่วเบาจนดูจะจางหายไปกับสายลม ธอรินเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายด้วยนัยน์ตาที่พร่ามัวจากการเสียเลือดมากเกินไป ในตอนนี้มีเพียงอนุสติของเขาที่ยังคงเหลืออยู่ หยาดน้ำใสตกกระทบลงบนแก้มของเขา...




เจ้าฮอบบิทนั่น...กำลังร้องไห้...?




เขาได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจว่าทำไม สมองพยายามบังคับร่างกายให้ยกมือขึ้นทว่ามันกลับไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ธอรินขยับริมฝีปากอย่างแผ่วเบา หากมันไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา




อย่า...ร้อง...ไห้




บิลโบมองปากที่ขยับพูดอะไรบางอย่างกับเขา แต่เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไร แม้นจะขยับเข้าไปใกล้ๆก็ไม่ได้ยินเสียงด้วยซ้ำ




นั่นคือครั้งแรกจากวันนั้น


...ที่ข้าได้เข้าไปคุยกับเขาตรงๆ...

และคงจะเป็นครั้งสุดท้าย




---------------------------------------------------------



"ธอริน...ท่านได้สติหรือยัง?"บิลโบเอ่ยถามทั้งๆที่น้ำตานองหน้า สัมผัสมือที่เย็นซีดราวกับน้ำแข็งกำบังจับมือของเขาไว้แน่น ธอรินเงยหน้าขึ้นมองร่างตรงหน้าที่ดูเบาบางเหลือเกิน เบาบางเกินกว่าที่จะจับต้องเหมือนกับแก้วใส พลังกายของเขาค่อย ๆ เริ่มฟื้นขึ้นมาทีละนิดจากสัมผัสมือนั้น




เขาคิดว่าตัวเองกำลังฝันไปด้วยซ้ำ




"มาสเตอร์แบ็คกินส์..." ในที่สุดเขาก้เค้นเสียงอย่างยากลำบากออกมา เขาจับมือนั้นไว้แน่นราวกับไม่อยากจะปล่อยมือจากอีกฝ่ายไปเลยแม้แต่วินาทีเดียว...อะไรบาง่ยางบอกให้เขาทำแบบนั้น.. "ข้าอาจจะกำลังฝันไป..."ธอรินว่าพลางเม้มปากแน่น แต่ฮอบบิทก็ยังคงกุมมือเขาตลอดเวลา ความเย็นซีดของมืออีกฝ่ายนั้นเขารับรู้ได้...ราวกับของจริงเลยทีเดียว




"หากข้าได้ทำผิดต่อสหายข้า....ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย..."ธอรินเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก ทว่าฮอบบิทก็ยังคงร้องไห้ อีกฝ่ายพยายามพูดอะไรออกมาสักอย่างสามคำวนซ้ำไปซ้ำมาที่เขาไม่ได้ยิน ต่อให้อยู่ใกล้แค่นี้ก็ตาม เสียงสะอื้นยังคงดังคลอมาเป็นระยะๆ นัยน์ตาของธอรินค่อยๆปิดลง ตัดขาดจากโลกภายนอก.. อยู่ในห้วงความฝันต่อไป



โดยเหลือแต่คำถามที่ทิ้งค้างไว้ในใจก็เพียงเท่านั้น

เจ้ากำลังพูดอะไร...?




--------------------------------------------


ความรัก ในบางครั้งก็มีมากเกินจะกล่าว

กว่าจะรู้ตัวอีกที ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว

สายไป...ที่จะเอ่ยเอื้อนออกมา




"ธอริน..เจ้ารู้สึกตัวแล้วเหรอ...?"บาลินเอ่ยถามขึ้นมาคนแรกจากในจุดนี้ทุกคนกำลังยืนก้มหน้ามองเขาอยู่ บางคนก็ตาแดงเสียเลยด้วยซ้ำ แต่ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจเลย ธอรินค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมา นัยน์ตาสอดส่องไปรอบๆ ทว่ากลับไม่พบคนที่ตนต้องการหา




"บิลโบอยู่ที่ไหน?"



"เขาไม่อยู่ที่นี่แล้ว ธอริน..."บาลินเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก เพียงแค่ประโยคนั้นราชาใต้ขุนเขาก็ส่งสายตาไปราวกับอยากจะถามและแล้วปากก็เร็วกว่าความคิดเสมอ



"หมายความว่ายังไง?"

ทีแรกทุกคนไม่คิดจะตอบ ทว่าเมื่อเห็นสายตาคาดคั้นจากธอรินมากๆเข้า ในที่สุดใครสักคนก็พูดขึ้นมาอย่างจำใจเลี่ยงไม่ได้



"เขา ตาย แล้ว...."



"เป็นไปไม่ได้!"ธอรินขึ้นน้ำเสียงในทันที "ในเมื่อกี้ข้ายังเห็นเขามาเฝ้าแล้วจับมือข้าอยู่เลย!"


ทุกคนดูจะนิ่งเงียบในทันที จนในที่สุดดวาลินก็เอ่ยขึ้นมา

"เขาตายเพราะช่วยเจ้าเอาไว้... ตอนนั้นข้าเห็นว่าหลังจากที่เจ้าโดนฟันเพราะออร์คนั่น ธนูของใครบางคนก็ยิงโดนเขา" น้ำเสียงที่แผ่วเบานั้นบ่งบอกถึงความโศกเศร้าไม่น้อย "ข้ากับบาลินนั่งเฝ้ามองเจ้าตลอด แต่ข้าก้ไม่เห็นบิลโบเลย...ข้าเห็นแค่เจ้ากำลังพุดกับใครบางคน..."



ไม่ว่าเขาจะพูดยังไงก็ไม่มีใครเชื่อ ในที่สุดดวาลินก็เลยพาธอรินให้ไปดูร่างของฮอบบิทที่นอนอยู่ในโลงไม้ที่พอตอกได้ในตอนนั้น 


แต่ความจริงเพียงหนึ่งเดียวที่เขารับรู้

คือบิลโบได้จากเขาไปแล้ว...จากไปตลอดกาล


ธอรินยืนมองร่างที่นอนนิ่งก่อนจะค่อยๆถูกจุดไฟเผา ทั้งๆที่ควรนิ่งเฉยเหมือนทุกที ทว่าหัวใจกลับบีบรัดหน้าอกเสียจนหายใจไม่ออก แววตาที่สงบนิ่งดั่งภูผาและไม่ยอมใครกลับดูอ่อนแสงลงเมื่อได้เห็นร่างที่อยู่ตรงหน้านี้


คำบอกรักที่ไม่ได้ถูกเอ่ยเอื้อนออกไป

จะเก็บอยู่ในส่วนลึกของจิตใจเขาตลอดนิรันดร์กาล

"ข้าสัญญาว่าจะไม่ลืมเจ้า บิลโบ สหายของข้า"

แม้ว่านั่นจะเป็นความรักที่เจ็บปวดก็ตามที..







ข้าเองก็รักท่านเช่นกัน...

....สามคำพูดสุดท้ายที่เอ่ยเอื้อนออกไป หากอีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน

ก็ยังคงเป็นปริศนาสำหรับราชาใต้ขุนเขาอยู่ดี นับจากวันนั้น...


----------------------------------------------------------------------------


#หลุดคาร์กระจาย 

ขอบคุณทุกๆคนที่อ่านมาจนจบได้นะคะ #มีไหม #ฮือ




ไหนๆขอเขียนหน่อยน่ะค่ะ อยากหาที่บ่นมาก5555555

ธอรินภาคนี้น่าตบมากค่ะ ปากหนักสุดๆ แต่ยังไงก็รักท่านมาเจสติกนะคะ! ถึงจะะแอบลำเอียงนิดๆก็เถอะ


เจ็บปวดสุดตอนที่ธอรินไม่คิดจะเข้าไปช่วยบิลโบข้างในค่ะ  สุดท้ายเขียนไปเขียนมาดันกลายเป็นแกล้งท่านมาเจสติกกลายๆซะงั้น555555 

อ่านแล้วงงไม่ต้องสงสัย มันคือแดรบเบิ้ลค่ะ ทั้งสองฝ่ายชอบกันทั้งคู่ 
แต่ไม่กล้าบอกรักอีกฝ่ายก่อน เพราะธอรินก็ปากหนักไม่รู้ใจตัวเอง ในขณะที่บิลโบก็ไม่กล้าพูดเพราะว่าคิดว่าอีกฝ่ายไม่รักค่ะแล้วก็ยังไม่พร้อมด้วย 

ไปๆมาๆพอรู้ว่าตัวเองจะต้องตาย ก็พูดไม่ทันแล้วค่ะ

ส่วนบิลโบที่จับมือธอรินตอนนั้นเป็นวิญญาณค่ะ(ไม่แน่ใจว่าควรจะเรียกแบบไหนดี...) เพราะมีเรื่องตกค้างคือยังไม่ได้พูดบอกรักให้อีกฝ่ายได้ยิน แต่สุดท้ายธอรินก็ไม่รู้ไม่ได้ยินอยู่ดีค่ะว่าอีกฝ่ายพูดอะไร

#เขียนออกมาไม่ดราม่าพอ...

จริงๆเราแอบเชียร์คู่ธอธรันนะคะ55555 แต่แบ็คกินส์ชิลด์ก็โอเคนะ... 

ถ้ามีพล๊อตและพร้อมติ่งเมื่อไหร่ เจอกันได้ที่นี่ค่ะ #จะมีคนรอไหม555 แง































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น